ภาษีตอบโต้ทรัมป์ E-Commerce ในไทยโนผลกระทบอะไรบ้าง
โอ๊ต 11 เม.ย. 2025 08:53
นโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2025 ได้ยกระดับความตึงเครียดทางการค้าโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าขั้นพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ และกำหนดภาษีเพิ่มเติมกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงเป็นพิเศษ (มาตรการ Reciprocal Tariffs) โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรง โดยถูกตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นรวมประมาณ 36 - 37% ซึ่งสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้เกือบ 3 เท่า ทำให้คำถามสำคัญสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ E-Commerce ในไทย คือ เราจะโดนผลกระทบอะไรบ้าง?
- ต้นทุนและราคา: การเก็บภาษีนำเข้าเพิ่ม (Baseline 10% บวกภาษีตอบโต้รวมเป็น ~37%) ทำให้สินค้าจากไทยมีราคาแพงขึ้นมากในสายตาผู้บริโภคอเมริกัน ผู้ส่งออกไทยอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายหรือรับภาระต้นทุนเอง ซึ่งทั้งสองทางเลือกส่งผลลบต่อกำไรและส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ามูลค่าการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2568 อาจหดตัวถึง -10% จากความต้องการสินค้าจากไทยที่ลดลงมาก
- มาตรการศุลกากรที่เข้มงวดขึ้น: สำหรับธุรกิจ E-Commerce ที่เคยส่งสินค้าชิ้นเล็กหรือมูลค่าต่ำไปยังสหรัฐฯ การยกเลิกข้อยกเว้นภาษีนำเข้าในวงเงิน 800 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ทำให้พัสดุทุกชิ้นต้องผ่านการตรวจเก็บภาษี ซึ่งหมายความว่าการส่งคำสั่งซื้อออนไลน์ขนาดเล็กก็ไม่รอดพ้นภาระภาษี ผู้ค้าจะเผชิญการตรวจสอบศุลกากรบ่อยขึ้น ต้นทุนดำเนินการสูงขึ้น และการจัดส่งล่าช้ามากขึ้น ส่งผลให้ต้องปรับระบบโลจิสติกส์และเอกสารให้รัดกุมยิ่งกว่าเดิม
- การปรับตัวเชิงกลยุทธ์: ธุรกิจไทยหลายรายอาจต้องปรับโมเดลธุรกิจเพื่อความอยู่รอด บางรายพิจารณาตั้งคลังสินค้าหรือบริษัทลูกในสหรัฐฯ เพื่อกระจายสินค้าภายในประเทศนั้น ลดขั้นตอนการนำเข้า มองหาแหล่งวัตถุดิบหรือฐานการผลิตทางเลือก (เช่น ย้ายส่วนการผลิตไปประเทศที่ไม่ได้ถูกเก็บภาษีสูงเท่า) กระจายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่น เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ตามคำแนะนำของภาครัฐและนักวิเคราะห์นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารความเสี่ยงทางการเงินก็เป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือความผันผวนครั้งนี้
- สินค้านำเข้าคู่แข่งที่ทะลักเข้ามา: อีกปรากฏการณ์ที่คาดว่าจะเกิดคือ สินค้าจากจีนและประเทศอื่น ที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ได้ จะถูกระบายมาสู่ตลาดเอเชียรวมถึงไทยมากขึ้น ทำให้การแข่งขันในตลาดภายในดุเดือดขึ้นสำหรับผู้บริโภคไทย สิ่งนี้หมายถึงตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายขึ้นและอาจได้สินค้าราคาถูกลง (เนื่องจากสินค้าจีนต้องหาที่ระบายและยอมขายราคาต่ำกว่าเดิม) ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงสินค้าแฟชั่นราคาย่อมเยา การทะลักเข้ามาของสินค้าต้นทุนต่ำเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตไทยรายย่อยในประเทศ ซึ่งในระยะยาวอาจลดการแข่งขันและทางเลือกของตลาดลงหากผู้ผลิตไทยสู้ราคาไม่ไหว
- ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อ: หากสถานการณ์ยืดเยื้อและกระทบต่อการจ้างงานในภาคส่งออก (เช่น โรงงานผลิตเสื้อผ้า อิเล็กทรอนิกส์ หรือแปรรูปอาหารลดกำลังการผลิตลง) กำลังซื้อของผู้บริโภคบางส่วนอาจถดถอย ส่งผลให้ภาพรวมการบริโภคภายในประเทศชะลอตัว รัฐบาลไทยประกาศว่าจะบริหารจัดการไม่ให้ผลกระทบดังกล่าวลุกลามถึง GDP ของประเทศ โดยเตรียมมาตรการรองรับทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น มาตรการเยียวยาผู้ส่งออกและกระตุ้นอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใน ซึ่งหากดำเนินการได้ผล ก็จะช่วยประคองความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยไม่ให้ลดลงมากเกินไป
โดยสรุป นโยบายภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2025 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อธุรกิจ E-Commerce และเศรษฐกิจการค้าของไทย ทั้งทางตรงในรูปของต้นทุนภาษีที่สูงขึ้นและยอดส่งออกที่หดตัว และทางอ้อมผ่านความปั่นป่วนของห่วงโซ่อุปทานและการเปลี่ยนแปลงด้านราคาในตลาดโลก ผู้ประกอบการ E-Commerce ไทยจำเป็นต้องปรับตัวเชิงรุก ทั้งการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ แม้ระยะสั้นอาจได้รับอานิสงส์จากสินค้าราคาถูกบางส่วน แต่ในภาพรวมก็ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งด้านราคาและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความตื่นตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้ ในขณะที่ทุกฝ่ายต่างหวังว่าข้อพิพาททางการค้าจะคลี่คลายลงและเอื้อต่อบรรยากาศการค้าเสรีที่เป็นธรรมมากขึ้นในอนาคต
ที่มา: The Standard , Techsauce , Forbesthailand , ThaiPBS