หลักจิตวิทยาที่ถูกนำมาใช้ในกลยุทธ์การขายของออนไลน์อย่างได้ผลในปี 2025 จึงเป็นเหมือนเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ " จิตวิทยาการตลาด"ในยุคที่การแข่งขันในตลาดออนไลน์ " ดุเดือดยิ่งกว่าที่เคย แบรนด์อาจไม่สามารถพึ่งพาแค่ราคาหรือโปรโมชั่นอีกต่อไป เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคซับซ้อนขึ้นและถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมหาศาล

1. FOMO (Fear of Missing Out) ทำให้ผู้ซื้อรีบตัดสินใจ !

"โปรพิเศษเฉพาะวันนี้" หรือ " ถึงเที่ยงคืนนี้เท่านั้น50% ลดราคาสูงสุด " เป็นสภาวะทางจิตวิทยาที่ทำให้คนรู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจหรือไม่อยากตกกระแส ซึ่งในเชิงการนำมาปรับใช้กับการตลาดมันคือการกำหนดเดธไลน์ สร้างกรอบเวลาสำหรับส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษ เช่น โปรโมชั่น Fear of Missing Out หรือ FOMO

 

2. Social Proof เพราะมนุษย์เชื่อใจมนุษย์ด้วยกันเอง
 

Social Proof หรือหลักฐานทางสังคม หมายถึงแนวโน้มของมนุษย์ที่จะมองหาคำแนะนำหรือพฤติกรรมของผู้อื่นเพื่อช่วยในการตัดสินใจ เรามักจะเชื่อว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกมักจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย โดยในหลักจิตวิทยานั้น สมองของเรามีแนวโน้มที่จะเชื่อถือสิ่งที่ได้รับการยืนยันจากผู้อื่น ยิ่งมีคนพูดถึงหรือแนะนำสินค้าหรือบริการมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความต้องการซื้อ เช่น ถ้าคุณเห็นร้านอาหารที่มีคนต่อแถวเยอะ คุณจะรู้สึกว่าร้านนั้นต้องอร่อยโดยไม่ต้องลองเองก่อน, เมื่อเราเห็นรีวิวจากบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ผู้เชี่ยวชาญ นักรีวิว หรือคนดัง เราจะมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าผลิตภัณฑ์นั้นดีจริง แหล่งที่มา

3. Content Marketing อย่าขายอย่างเดียว ต้องสร้างคุณค่าให้แบรนด์ด้วย!
Content Marketing กลยุทธ์การตลาดที่เน้นสร้างเนื้อหา (ปัจจุบันถูกเรียกทับศัพท์ว่าคอนเทนต์) ที่มีคุณค่า เพื่อให้ลูกค้ารู้จักตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ ที่สามารถทำได้ตั้งแต่การให้ข้อมูลที่ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ที่แบรนด์มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้น ผ่านการสร้างวิดีโอ, บล็อกในเว็บไซต์, Facebook, Instagram, TikTok, YouTube, เว็บไซต์ หรือบางครั้งอาจจะไม่ต้องมีสาระใด ๆ แต่เป็นเพียงการร่วมสนุกกับกระแสตลกในโลกอินเทอร์เน็ตก็ยังได้


4. Framing Effect เพราะมนุษย์อยากได้ความรู้สึกเชิงบวกมากกว่าลบ



เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าแก้ปัญหาได้มากกว่า5%” เชื้อโรคจะอยู่รอดได้ “ดีกว่า 95%” ฆ่าเชื้อโรคได้ 1%”, “โยเกิร์ตมีไขมัน “ฟังดูดีกว่า 99%” โยเกิร์ตไม่มีไขมัน “เหมือนกัน เช่น ” ได้รับ“ทั้งที่แก่นของมันคือการ ” เสนอ“มากกว่า ” ให้“หลักจิตวิทยาที่อธิบายว่า วิธีการนำเสนอข้อมูลมีผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ โดยเรามักเลือกตัวเลือกที่ให้ความรู้สึกเชิงบวกมากกว่าลบ และคนเราจะรู้สึกดีกับคำว่า Framing Effect

5. Anchoring Effect สร้างความคุ้มค่าด้วยการเปิดราคาแรง!

Anchoring Effect เป็นเทคนิคจิตวิทยา ให้ผู้บริโภค “ยึด” ข้อมูลชุดแรกที่ได้รับ เพื่อนำไปเปรียบเทียบว่าสินค้าหรือบริการคุ้มค่ากว่าความเป็นจริงโดยไม่คำนึงว่าข้อมูลนั้นมีความแม่นยำหรือเหมาะสมแค่ไหน ซึ่งในบริบทของการขายและการตลาด ผู้บริโภคมักเปรียบเทียบราคาหรือมูลค่าสินค้ากับตัวเลขแรกที่เห็น เช่น หากเห็นสินค้าเดิมราคา 5,000 บาท แต่ลดเหลือ 2,999 บาท ลูกค้าจะรู้สึกว่าราคานี้คุ้มค่า เพราะจุดยึดของพวกเขาคือราคาเดิมที่สูงกว่า
 

หลักจิตวิทยาในการขายออนไลน์ ไม่ใช่แค่การทำให้สินค้าดูน่าสนใจขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคและนำเสนอข้อมูลในแบบที่กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้หลักจิตวิทยาที่นำเสนอไปข้างต้นไม่ใช่หลักสูตรที่เหมาะสมกับทุกผลิตภัณฑ์ หากแต่ผู้อ่านควรนำไปปรับใช้อย่างเหมาะสม อีกทั้งสิ่งที่สำคัญเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุดกว่าหลักจิตวิทยาทั้งหมดทั้งมวล คือ คุณภาพของผลิตภัณฑ์

และสำหรับใครที่มีธุรกิจ E-Commerce เป็นของตัวเอง และกำลังประสบปัญหารับมือลูกค้าอย่างไม่หวาดไม่ไหว ให้ BigSeller ช่วยสิ! เราคือบริการระบบหลังบ้านดูแลร้านค้าออนไลน์ที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มชั้นนำได้มากกว่า 16 แพลตฟอร์ม เช่น Shopee, Lazada, TikTok หรือจะช่วยจัดการออเดอร์และสต็อกสินค้าอัตโนมัติ ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานก็ทำได้ ใช้งานได้ทั้งบนเบราเซอร์ และสมาร์ตโฟนทั้ง iOS และ Android ปัจจุบัน BigSeller ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานกว่า 100,000 รายในประเทศไทย อย่ารอช้า! 👉 คลิกลงทะเบียน BigSeller 👈 เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม และเริ่มต้นเส้นทางการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของคุณได้ทันที! ใช้ Bigseller ทันทีเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ค้ารายใหญ่


👉 ลงทะเบียนวันนี้รับคูปอง VIP ใช้งานฟรี 7 วัน 👈